เพิ่มการสั่นสะเทือนของคุณ: ยกระดับพลังงานและชีวิตของคุณ

'เพิ่มการสั่นสะเทือนของคุณ' หมายถึงการยกระดับอารมณ์หรือพลังงานของคุณ ซึ่งจะช่วยให้คุณมองชีวิตในแง่บวกมากขึ้นและดึงดูดสิ่งดีๆ เข้ามา การศึกษาแสดงให้เห็นว่าเราใกล้ชิดกับจักรวาลมากที่สุดเมื่อตื่นนอนและกำลังจะหลับ ซึ่งทำให้ช่วงเวลาเหล่านี้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการยกระดับอารมณ์ของคุณ

เริ่มต้นวันใหม่ด้วยการปฏิบัติธรรม เช่น การสวดมนต์หรือการทำสมาธิ สิ่งเหล่านี้จะช่วยสร้างบรรยากาศที่ดีให้กับวันของคุณ นอกจากนี้ยังช่วยให้คุณเข้าถึงพลังงานที่สูงขึ้นได้อีกด้วย

การรับประทานอาหารให้ถูกต้องก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน สิ่งที่คุณรับประทานส่งผลต่ออารมณ์และพลังงานของคุณ ดังนั้น ให้เน้นรับประทานอาหารที่มีพลังงานสูง เช่น สมูทตี้สีเขียว ซึ่งจะทำให้คุณมีกำลังใจและพลังงานมากขึ้น

อย่าลืมเขียนบันทึก โดยเฉพาะเกี่ยวกับสิ่งที่คุณรู้สึกขอบคุณ การเขียนบันทึกจะช่วยเปลี่ยนวิธีคิดของคุณในการมุ่งเน้นไปที่สิ่งดีๆ การเปลี่ยนแปลงไปสู่ความคิดเชิงบวกจะช่วยยกระดับพลังภายในของคุณ

ประเด็นที่สำคัญ

  • การวิจัยแสดงให้เห็นว่าคนเรามีความเชื่อมโยงกับจักรวาลมากที่สุดในช่วงที่เรากำลังนอนหลับและตื่นนอน
  • สารอาหารจากอาหารสามารถส่งผลต่ออารมณ์และระดับพลังงานได้อย่างมาก ส่งผลให้รู้สึกและการทำงานของแต่ละบุคคลดีขึ้น
  • การเขียนบันทึกโดยเฉพาะอย่างยิ่งการเน้นที่ความกตัญญูกตเวที ถือเป็นแนวทางปฏิบัติที่แนะนำเพื่อส่งเสริม ความคิดเชิงบวก.
  • เริ่มต้นวันใหม่ด้วย เทคนิคการเจริญเติบโตทางจิตวิญญาณ เช่นการสวดมนต์หรือทำสมาธิสามารถช่วยเพิ่มระดับการสั่นสะเทือนในร่างกายได้
  • การสร้างนิสัยการบริโภคประจำวัน อาหารที่มีการสั่นสะเทือนสูงเช่นเดียวกับสมูทตี้สีเขียว ที่ให้พลังงานและความมีชีวิตชีวา

ทำความเข้าใจเกี่ยวกับพลังงานสั่นสะเทือน

พลังงานแห่งการสั่นสะเทือนเป็นกุญแจสำคัญในการเชื่อมโยงกับโลกของเรา พลังงานแห่งการสั่นสะเทือนเป็นการผสมผสานของอารมณ์และพลังงานที่เราแบ่งปันกัน หากเราตั้งเป้าหมายไปที่พลังงานที่สูงขึ้น เราก็สามารถยกระดับชีวิตของเราให้ดีขึ้นได้ ซึ่งจะนำไปสู่การเชื่อมต่อที่ดีขึ้นและนำสิ่งดีๆ มาให้เรา

นิยามของการสั่นสะเทือน

การสั่นสะเทือนคือการที่อนุภาคต่างๆ เคลื่อนที่ไปมาในพื้นที่ต่างๆ นอกจากนี้ยังเป็นพลังงานจากความคิด ความรู้สึก และการกระทำของเราอีกด้วย การสั่นสะเทือนส่วนบุคคลของคุณคือสิ่งที่คุณรู้สึกและคิด ซึ่งส่งผลต่อร่างกาย จิตใจ และอารมณ์ของคุณ คลื่นความถี่สูงจะนำมาซึ่งแสงสว่างและความสุข แต่คลื่นความถี่ต่ำจะนำมาซึ่งความรู้สึกกังวลและเศร้า

ความสำคัญของการสั่นสะเทือนส่วนบุคคล

ความสั่นสะเทือนส่วนบุคคลของคุณกำหนดชีวิตของคุณ มันส่งผลต่อคนที่คุณพบปะและความรู้สึกของคุณ การทำสิ่งต่างๆ เช่น การมีสติและการคิดบวก คุณสามารถเพิ่มพลังให้กับตัวเองได้ ซึ่งจะทำให้คุณรู้สึกดีขึ้น และอาจดึงดูดสิ่งดีๆ เข้ามาในชีวิตคุณด้วย

หลายๆ คนต้องต่อสู้กับความเครียดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจส่งผลให้พวกเขารู้สึกหดหู่ลงได้ แต่คุณสามารถเพิ่มพลังงานให้กับตัวเองได้ด้วยการแสดงความขอบคุณ อภัย และใจดี ซึ่งไม่เพียงแต่จะช่วยคุณเท่านั้น แต่ยังทำให้คนอื่นๆ รู้สึกดีขึ้นด้วย

หลักพื้นฐานของ Vibing High

การใช้ชีวิตด้วยความรู้สึกดีๆ หมายความว่าต้องเลือกที่จะมองสิ่งดีๆ โดยต้องมุ่งเน้นไปที่สิ่งดีๆ แนวทางปฏิบัติบางอย่างที่ช่วยได้ ได้แก่:

  • แนวปฏิบัติในการแสดงความกตัญญู: เริ่มต้นเช้าวันใหม่ด้วยความขอบคุณเพื่อเพิ่มพลังให้กับตัวเอง
  • การยืนยันในเชิงบวก: พูดสิ่งดีๆ กับตัวเองบ่อยๆ การทำเช่นนี้จะช่วยให้คุณคิดในแง่บวกได้
  • หายใจอย่างมีสติ: การใส่ใจกับลมหายใจจะช่วยให้คุณสงบลง และยังช่วยเพิ่มความสั่นสะเทือนของคุณอีกด้วย
  • ความสัมพันธ์ที่ดี: การอยู่กับคนที่สนับสนุนคุณสามารถทำให้คุณอารมณ์ดีขึ้นได้
  • อาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ: การรับประทานอาหารสดและมีประโยชน์ต่อสุขภาพจะช่วยเพิ่มพลังงานให้กับคุณด้วยเช่นกัน

นิสัยประจำวันเหล่านี้สามารถทำให้ชีวิตง่ายขึ้นได้ นิสัยเหล่านี้สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งและนำไปสู่สิ่งดีๆ มากขึ้น ด้วยการทำงานหนักและการทุ่มเท คุณจะนำความสงบสุข ความสุข และความพึงพอใจมาสู่ทุกส่วนของชีวิตได้

การฝึกสติเพื่อการปรับความสั่นสะเทือน

การมีสติช่วยให้เราเชื่อมโยงกับสิ่งแวดล้อมรอบตัวได้ลึกซึ้งขึ้น ทุกอย่างตั้งแต่ร่างกายของเราไปจนถึงอนุภาคที่เล็กที่สุดล้วนสั่นสะเทือน ความรู้สึกของเรา เช่น ความสุขและความรัก ส่งผลต่อการสั่นสะเทือนนี้ ดังนั้น เมื่อเราเลือกที่จะรู้สึกบวก เราก็จะดึงดูดพลังงานบวกเข้ามาได้มากขึ้น

การปฏิบัติกิจวัตรประจำวัน เช่น การทำสมาธิและการกล่าวสิ่งดีๆ กับตัวเอง จะช่วยเปลี่ยนพลังงานนี้ และทำให้พลังของเราสอดคล้องกับสิ่งดีๆ ที่เราต้องการในชีวิต

การฝึกสติเพื่อการปรับความสั่นสะเทือน

เทคนิคการทำสมาธิประจำวัน

การทำสมาธิเป็นกุญแจสำคัญในการรักษาและปรับสมดุลพลังงานของคุณ การทำสมาธิเพียง 10 นาทีทุกเช้าจะทำให้คุณรู้สึกสงบ และช่วยให้คุณรับมือกับสิ่งต่างๆ ในแต่ละวันได้ดีขึ้น ต่อไปนี้เป็นเทคนิคการทำสมาธิบางประการที่ควรเริ่มต้น:

  • การหายใจแบบเน้น: นั่งลงอย่างสบายๆ หายใจเข้าลึกๆ กลั้นหายใจ หายใจออกช้าๆ ทำเช่นนี้เป็นเวลา 10 นาที
  • การทำสมาธิแบบแนะนำ: ฟังเสียงที่ผ่อนคลายจากแอปหรือ YouTube เพื่อช่วยแนะนำการทำสมาธิของคุณ
  • การทำสมาธิด้วยมนต์: เลือกวลีที่ผ่อนคลาย เช่น “ฉันเป็นหนึ่งเดียวกับตัวตนที่ดีที่สุดของฉัน” พูดประโยคนี้เบาๆ ซ้ำๆ

นำแนวทางปฏิบัติเหล่านี้มาใช้ในชีวิตประจำวันเพื่อพัฒนาจิตวิญญาณของคุณ คุณจะเสริมสร้างพรสวรรค์ทางจิตวิญญาณและเชื่อมโยงกับตัวตนภายในของคุณ

พลังแห่งการยืนยันเชิงบวก

การใช้คำพูดเชิงบวกเพื่อกำหนดชีวิตในแต่ละวันนั้นทรงพลังมาก การทำตัวราวกับว่าเรารู้สึกดีอยู่แล้ว หรือที่เรียกว่าหลักการเสมือนว่ารู้สึกดี จะช่วยทำให้ความรู้สึกนั้นมีชีวิตชีวาขึ้นได้ การพูดสิ่งดีๆ บ่อยๆ จะช่วยลดความคิดเชิงลบและสร้างวิธีคิดเชิงบวกได้

สิ่งนี้สามารถทำให้คุณรู้สึกสงบสุขและมีความสุขมากขึ้น ทำให้คุณดึงดูดสิ่งดีๆ เข้ามาได้มากขึ้น

  • คำยืนยันตอนเช้า: เริ่มต้นวันใหม่ของคุณด้วยการพูดว่า “ฉันเต็มไปด้วยพลังงานและความสุข”
  • คำเตือนในการเขียน: เขียนเกี่ยวกับสิ่งที่ทำให้คุณรู้สึกมีความสุขเพื่อให้มีมุมมองเชิงบวก
  • เวลาแห่งการไตร่ตรอง: คิดถึงความสัมพันธ์ของคุณและรู้สึกถึงพลังงานรอบตัวผู้คนต่างๆ

การทำสมาธิและภาวนาเป็นประจำทุกวันจะช่วยให้คุณมีทัศนคติเชิงบวกมากขึ้น ช่วยให้คุณมีสุขภาพดี มีความสุขมากขึ้น และนำพาสิ่งดีๆ และความสุขมาให้มากขึ้น

ระดับโภชนาการและพลังงาน

คุณเคยได้ยินคำกล่าวที่ว่า “คุณคือสิ่งที่คุณกิน” ไหม? มันเป็นเรื่องจริงที่ว่าอาหารส่งผลต่อพลังงานของเราอย่างไร การกินอาหารที่มีประโยชน์สามารถเพิ่มพลังงานและทำให้เรารู้สึกดีขึ้น ดังนั้น การเลือกอาหารที่ทำให้คุณรู้สึกมีชีวิตชีวาจึงเป็นสิ่งสำคัญ

อาหารที่มีการสั่นสะเทือนสูง

สิ่งที่คุณกินสามารถเปลี่ยนพลังงานที่คุณรู้สึกได้ การเลือกอาหารที่อุดมไปด้วยสารอาหารถือเป็นเรื่องที่ดี ลองนึกถึงอาหารอย่างผักใบเขียว เบอร์รี่ เห็ด และถั่ว สิ่งเหล่านี้ไม่เพียงแต่มีประโยชน์ต่อสุขภาพเท่านั้น แต่ยังช่วยให้คุณอารมณ์ดีและมีพลังอีกด้วย

การใส่สมุนไพรและเครื่องเทศสด เช่น ขมิ้นและผักชี ก็มีประโยชน์เช่นกัน เพราะสมุนไพรเหล่านี้จะทำให้ร่างกายของคุณสะอาดและมีสุขภาพดี อาหารที่ผ่านการหมัก เช่น โยเกิร์ตและกิมจิ มีประโยชน์ต่อกระเพาะอาหารของคุณมาก อย่าลืมว่าลำไส้ที่แข็งแรงจะทำให้คุณมีความสุขมากขึ้น ถั่ว เมล็ดพืช และสาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงินก็มีประโยชน์ต่อการเพิ่มพลังงานและอารมณ์ของคุณเช่นกัน

ผลของโภชนาการต่ออารมณ์

สิ่งที่คุณกินส่งผลโดยตรงต่อความรู้สึกและความคิดของคุณ ลองกินอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง เช่น เบอร์รี่และชาเขียว พวกมันช่วยให้สมองของคุณทำงานได้ดีขึ้นและทำให้คุณอารมณ์ดีขึ้น เห็ดหัวลิงก็มีประโยชน์เช่นกันเพราะช่วยบรรเทาความวิตกกังวลและทำให้คุณมีความคิดที่ชัดเจนขึ้น

การรับประทานอาหารแปรรูปหรืออาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพมากเกินไปอาจทำให้คุณรู้สึกไม่สบายตัว อาหารเหล่านี้อาจทำให้คุณขาดพลังงานและรู้สึกเศร้า ดังนั้น การเลือกอาหารที่ทำให้คุณรู้สึกมีชีวิตชีวาและมีสุขภาพดีจึงเป็นสิ่งสำคัญ

การรับประทานอาหารที่สด ใหม่ มีสีสันสวยงาม และไม่ผ่านการแปรรูปมากเกินไป จะทำให้คุณมีพลังงานมากขึ้น ลองสังเกตดูว่าอาหารทำให้คุณรู้สึกอย่างไรหลังจากรับประทานเข้าไป การกินแบบนี้ไม่เพียงแต่ช่วยเสริมสร้างร่างกายเท่านั้น แต่ยังช่วยเสริมสร้างจิตใจและจิตวิญญาณอีกด้วย

ประเภทอาหารประโยชน์
ใบสีเขียวอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุ เพิ่มพลังงาน
กระเช้าผลไม้เบอร์รี่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ลดการอักเสบ
เห็ดเสริมการทำงานของสมอง ลดความวิตกกังวล
อาหารหมักดองส่งเสริมสุขภาพลำไส้ เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน
ถั่วและเมล็ดมีโปรตีน ไฟเบอร์ และไขมันดีสูง

บทบาทของความกตัญญูและการเขียนบันทึก

การเขียนบันทึกความรู้สึกขอบคุณช่วยให้ผู้คนมองเห็นสิ่งดีๆ ในชีวิตและรู้สึกมีความสุขมากขึ้น ทำให้พวกเขาจดจ่ออยู่กับสิ่งดีๆ ที่ตนมี ซึ่งจะทำให้พวกเขาดึงดูดสิ่งดีๆ เข้ามามากขึ้น ดังนั้น การเขียนถึงสิ่งที่พวกเขารู้สึกขอบคุณสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตของใครบางคนให้ดีขึ้นได้

เคล็ดลับการเขียนบันทึกความกตัญญู

เคล็ดลับการเขียนบันทึกความรู้สึกขอบคุณ

การเขียนบันทึกความกตัญญูสามารถลดความเครียดและเพิ่มความสุขได้ วิธีเริ่มต้นมีดังนี้:

  1. กำหนดกิจวัตรประจำวัน: ลองเขียนบันทึกของคุณทุกเช้า บางทีอาจเป็นขณะที่คุณดื่มกาแฟ
  2. ความถี่: บางคนพบว่าการเขียนวันละสองครั้ง คือ เช้าและเย็น เป็นประโยชน์อย่างมาก
  3. คงเส้นคงวา: การเขียนเป็นประจำนั้นสำคัญมาก แม้ว่าคุณจะเขียนแค่สามสิ่งที่คุณรู้สึกขอบคุณในแต่ละวัน การเขียนก็สามารถช่วยได้มาก
  4. ใช้รูปแบบที่แตกต่างกัน: คุณสามารถใช้แอป ไฟล์คอมพิวเตอร์ หรือเขียนบันทึกประจำวันได้ ตามที่คุณต้องการ
  5. ติดตามความคืบหน้า: การมองย้อนกลับไปในช่วงเวลาที่ดี โดยเฉพาะเมื่อสิ่งต่างๆ ยากลำบาก อาจเป็นแรงบันดาลใจให้คุณก้าวต่อไปและมองโลกในแง่ดีได้

มุ่งเน้นที่พรและความอุดมสมบูรณ์

การคิดถึงสิ่งที่คุณรู้สึกขอบคุณสามารถเปลี่ยนความคิดของคุณจากแย่ๆ ให้กลายเป็นดีได้ การเปลี่ยนแปลงนี้จะทำให้คุณสังเกตเห็นสิ่งดีๆ มากขึ้นโดยธรรมชาติ ซึ่งเกี่ยวข้องกับกฎแห่งแรงดึงดูด การเขียนสิ่งที่คุณรู้สึกขอบคุณ 5 อย่างทุกวันจะช่วยให้คุณนอนหลับได้ดีขึ้นด้วย

การจดบันทึกความรู้สึกขอบคุณสามารถชี้ให้เห็นถึงวิธีที่จะทำให้คุณเป็นคนดีขึ้นและเข้มแข็งขึ้น การกล่าวขอบคุณตลอดเวลาสามารถเปลี่ยนวิธีคิดของคุณได้ ทำให้คุณเป็นคนมองโลกในแง่บวกมากขึ้น

ประโยชน์รายละเอียด
ระดับความเครียดลดลงการจดบันทึกความขอบคุณสามารถช่วยลดความเครียดได้
การเติมเต็มส่วนบุคคลการเขียนไดอารี่เป็นประจำจะช่วยระบุโอกาสในการเติบโตในแต่ละบุคคล
เพิ่มพลังบวกการเน้นที่ความกตัญญูช่วยรักษาความคิดเชิงบวกไว้
นอนหลับดีขึ้นการจดบันทึกเรื่องราวต่างๆ อย่างน้อย 5 เรื่องต่อวันจะช่วยให้คุณภาพการนอนหลับดีขึ้น
ความยืดหยุ่นการจดบันทึกความรู้สึกขอบคุณช่วยสร้างความยืดหยุ่นในช่วงเวลาที่ยากลำบาก

การนำเทคนิคการเติบโตทางจิตวิญญาณมาใช้

พัฒนาจิตวิญญาณด้วยการยกระดับพลังงานของคุณอย่างลึกซึ้ง เริ่มต้นการเดินทางสู่การเติบโตส่วนบุคคลและความเข้าใจที่สูงขึ้น การทำสมาธิเป็นประจำจะทำให้คุณรู้สึกสงบและแจ่มใส ช่วยให้คุณเข้าถึงตัวตนที่ดีที่สุดของคุณและพลังงานรอบตัวเรา

โยคะ ไทชิ หรือชี่กงไม่เพียงแต่ดีต่อร่างกายของคุณเท่านั้น การฝึกเหล่านี้ยังช่วยให้พลังงานไหลเวียนภายในร่างกายได้อย่างราบรื่น ทำให้คุณมีความผูกพันกับจักรวาลมากขึ้น การใช้หินอัญมณีในการบำบัดด้วยคริสตัลสามารถส่งเสริมการปฏิบัติทางจิตวิญญาณของคุณได้ นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มพลังงานที่คุณส่งออกไป

การได้อยู่ท่ามกลางธรรมชาติยังช่วยเพิ่มระดับพลังงานของคุณได้อีกด้วย ธรรมชาติจะโอบล้อมคุณด้วยพลังงานดีๆ จากพื้นดิน ซึ่งจะสร้างแรงบันดาลใจและทำให้คุณรู้สึกดีขึ้น การแสดงความขอบคุณและพูดสิ่งดีๆ จะช่วยให้คุณอารมณ์ดีขึ้น ซึ่งจะทำให้ชีวิตของคุณดีขึ้นและเชื่อมโยงถึงจิตวิญญาณที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น

  1. การทำสมาธิ: ช่วยให้จิตใจสงบและแจ่มใส ช่วยเชื่อมโยงกับสติสัมปชัญญะที่สูงขึ้น
  2. คริสตัลบำบัด:ใช้การสั่นสะเทือนของหินที่มีเอกลักษณ์เฉพาะเพื่อปรับปรุงพลังงานทางจิตวิญญาณ
  3. โยคะและการเคลื่อนไหวอย่างมีสติ:เสริมสร้างสุขภาพกายและเชื่อมโยงกับพลังงานสากล
  4. การเชื่อมต่อธรรมชาติ:ทำให้คุณสัมผัสกับพลังงานธรรมชาติอันสร้างสรรค์
  5. ฝึกความกตัญญูกตเวที: ทำให้ความสุขและความอุดมสมบูรณ์เข้ามาใกล้กันมากขึ้น
  6. affirmations:เปลี่ยนความคิดของคุณต่อ การเติบโตทางจิตวิญญาณ และคุ้มค่า

การมีความรักและความกรุณาจะทำให้คุณรู้สึกดีมาก ไม่เพียงแต่จะช่วยเพิ่มพลังบวกให้กับคุณเท่านั้น แต่ยังช่วยให้คุณกลับมาเป็นตัวเองได้อีกครั้ง การนำแนวทางปฏิบัติเหล่านี้มาใช้ในชีวิตประจำวันของคุณนั้นเป็นสิ่งที่มีค่ามาก เพราะจะนำไปสู่ความก้าวหน้าทางจิตวิญญาณ ความตระหนักรู้ที่สูงขึ้น และการเติบโตส่วนบุคคล

เทคนิคประโยชน์
การทำสมาธิความสงบและความชัดเจน การปรับให้สอดคล้องกับตัวตนที่สูงขึ้น
คริสตัลบำบัดเพิ่มพลังสั่นสะเทือนทางจิตวิญญาณ
โยคะและการเคลื่อนไหวอย่างมีสติเสริมสร้างสุขภาพกาย เสริมสร้างพลังใจ
การเชื่อมต่อธรรมชาติเพิ่มและสร้างแรงบันดาลใจพลังการสั่นสะเทือน
ฝึกความกตัญญูกตเวทีดึงดูดความดีและ ความคิดเชิงบวก.
affirmationsช่วยพัฒนาการด้านจิตวิญญาณและการเปลี่ยนแปลงจิตใจ

การบำบัดด้วยพลังงานและคุณประโยชน์

ในโลกที่วุ่นวายและเต็มไปด้วยความเครียด การบำบัดด้วยพลังงานสามารถช่วยได้จริง กฎแห่งการสั่นสะเทือนแสดงให้เราเห็นว่าทุกสิ่ง รวมถึงความคิดและความรู้สึกของเรา ล้วนสั่นสะเทือน ซึ่งอาจส่งผลต่อสุขภาพและความสุขของเรา จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้

การรู้สึกมีความสุข เบิกบานใจ และมีความรักจะช่วยเพิ่มพลังสั่นสะเทือนและสุขภาพของเรา แต่การรู้สึกกลัวหรือโกรธจะทำให้พลังสั่นสะเทือนลดลง ซึ่งมักส่งผลเสียต่อสุขภาพของเรา การใช้การบำบัดด้วยพลังงานสามารถขจัดพลังสั่นสะเทือนเหล่านี้ได้ ส่งผลให้สุขภาพของเราดีขึ้นและชีวิตมีความสุขมากขึ้น

ลองดูที่ ประเภทของการบำบัดด้วยพลังงาน และคุณจะเริ่มต้นการเดินทางที่น่าตื่นเต้นนี้ได้อย่างไร

ประเภทของการบำบัดด้วยพลังงาน

มีที่แตกต่างกัน ประเภทของการบำบัดด้วยพลังงาน:

  1. เรกิ:เทคนิคของญี่ปุ่นที่ผู้รักษาจะวางมือบนหรือลอยเหนือผู้ป่วยเพื่อส่งพลัง วิธีนี้ช่วยให้ผู้ป่วยรักษาตัวได้ทั้งทางจิตใจและร่างกาย
  2. การฝังเข็ม:เป็นศาสตร์โบราณของจีนที่ฝังเข็มเล็กๆ ลงในจุดสำคัญของร่างกาย เพื่อรักษาสมดุลการไหลเวียนของพลัง (ที่เรียกว่า ชี่) ในร่างกาย
  3. การบำบัดด้วยเสียง:การใช้เสียงพิเศษเพื่อช่วยสร้างพลังงานให้กับร่างกาย เสียงเหล่านี้จะช่วยปรับสมดุลและเพิ่มพลังงานให้กับร่างกาย
  4. คริสตัลบำบัด:ใช้คริสตัลเพื่อขจัดพลังงานด้านลบและส่งเสริมการบำบัดทางอารมณ์ โดยวางคริสตัลไว้บนหรือรอบๆ ร่างกาย

วิธีการเหล่านี้มีประสิทธิภาพในการขจัดสิ่งอุดตันพลังงานและเพิ่มการไหลเวียนของพลังงานผ่านร่างกาย ซึ่งแสดงให้เห็นว่าสามารถลดความเจ็บปวดและปรับปรุงอารมณ์ได้

วิธีการเริ่มต้น

การเริ่มต้นด้วยการบำบัดด้วยพลังงานเป็นเรื่องง่าย:

  • ค้นหาผู้เชี่ยวชาญด้านการบำบัดด้วยพลังงานที่มีคุณสมบัติเหมาะสมซึ่งเสนอเซสชั่นแบบตัวต่อตัวหรือออนไลน์
  • เข้าร่วมเวิร์คช็อปหรือชั้นเรียนเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับแนวทางการรักษา เช่น เรอิกิหรือการบำบัดด้วยเสียง
  • เพิ่มกิจกรรมที่ต้องใช้สติ เช่น การทำสมาธิ โยคะ และการทำสมาธิแบบมีสติในชีวิตประจำวันของคุณ ซึ่งจะช่วยเพิ่มระดับพลังงานของคุณ
  • รับประทานอาหารที่มีพลังงานสูงเพื่อช่วยให้ร่างกายขับสารพิษและเพิ่มพลังงาน
การบำบัดด้วยพลังงานประโยชน์
เรกิลดความเครียด ส่งเสริมการผ่อนคลาย และเสริมสร้างสุขภาพจิต
การฝังเข็มปรับสมดุลการไหลของพลังงาน บรรเทาอาการปวด และรักษาปัญหาสุขภาพต่างๆ
การบำบัดด้วยเสียงปรับปรุงความชัดเจนทางจิตใจ ลดความเครียด และปรับสมดุลพลังงาน
คริสตัลบำบัดดูดซับพลังงานเชิงลบ ส่งเสริมการรักษาทางอารมณ์ และเพิ่มความคิดเชิงบวก

เรียนรู้เกี่ยวกับ ประเภทการบำบัดด้วยพลังงาน สามารถเปิดประตูสู่ประโยชน์ต่างๆ เช่น พลังงานที่เพิ่มขึ้นและสุขภาพที่ดีขึ้น เป็นการเดินทางที่คุ้มค่าสำหรับความเป็นอยู่ที่ดีของคุณ

การค้นหาความสงบภายในผ่านการดูแลตนเอง

ได้รับ ความสงบภายใน ต้องทุ่มเทเพื่อ แนวทางปฏิบัติในการดูแลตนเองวิธีการผ่อนคลาย เช่น การหายใจเข้าลึกๆ และการใช้กลิ่นหอม สามารถสร้างความสงบได้ นักวิจัยพบว่าผู้ที่พยายามดูแลตัวเองอย่างมีสติร้อยละ 87 รู้สึกดีขึ้น

การสร้างกิจวัตรการดูแลตนเอง

การมีกิจวัตรดูแลตัวเองอย่างสม่ำเสมอถือเป็นสิ่งสำคัญ กิจวัตรเหล่านี้จะช่วยให้คุณสงบและมีสมาธิ การเขียน การเคลื่อนไหวอย่างมีสติ และการออกไปข้างนอกสามารถเปลี่ยนแปลงความรู้สึกของคุณได้

ผลการศึกษาเผยว่า 65% ของคนที่ใส่ใจกับความรู้สึกของตัวเองมีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น พวกเขายังรู้สึกพึงพอใจกับชีวิตมากขึ้นด้วย

ในการเริ่มต้น คุณต้อง:

  • จัดเวลาให้กับการดูแลตัวเองทุกวัน
  • เลือกกิจกรรมที่คุณชอบ เช่น การอ่านหนังสือหรือโยคะ
  • รู้สึกขอบคุณและพูดคำพูดเชิงบวกกับตัวเอง

เทคนิคการผ่อนคลาย

การผ่อนคลายอย่างดีเป็นกุญแจสู่ความสงบภายใน วิธีการเช่น การทำสมาธิ การหายใจเข้าลึกๆ ช่วยลดความเครียดและเพิ่มพลังชีวิตได้ ผู้คนถึง 72% สามารถลดความเครียดได้ด้วยวิธีเหล่านี้

วิธีการผ่อนคลายแต่ละวิธีก็มีข้อดีของตัวเอง:

เทคนิคประโยชน์
การทำสมาธิส่งเสริมความชัดเจนทางจิตใจและพลังงานที่สงบ
น้ำมันหอมระเหยเพิ่มอารมณ์และความผ่อนคลายทางอารมณ์
หายใจลึก ๆลดความวิตกกังวลและเพิ่มการไหลเวียนของออกซิเจน
การเคลื่อนไหวอย่างมีสติเพิ่มสุขภาพร่างกายและสมดุลทางอารมณ์

ใช้เคล็ดลับเหล่านี้ทุกวันเพื่อให้รู้สึกสงบและแจ่มใส ปฏิบัติตามเคล็ดลับเหล่านี้ แนวทางปฏิบัติในการดูแลตนเอง ช่วยให้คุณค้นหาและเก็บรักษา ความสงบภายใน. ทำให้ชีวิตมีความสุขและสงบสุขมากขึ้น

การเพิ่มพลังสั่นสะเทือนของคุณ: นิสัยประจำวัน

การนำเอาความสม่ำเสมอมาใช้ นิสัยประจำวันในการเพิ่มพลังสั่นสะเทือนของคุณ สามารถนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เริ่มต้นด้วยการหายใจอย่างมีสติ หายใจเข้าลึกๆ เพื่อรีเฟรชจิตใจและร่างกายของคุณ เพิ่มพลังให้กับคุณ

การออกกำลังกายเป็นประจำ เช่น โยคะหรือการเดิน จะช่วยให้คุณรู้สึกดีขึ้น เพราะจะช่วยหลั่งสารเอนดอร์ฟิน การกำหนดความตั้งใจในแต่ละวันจะช่วยให้คุณมีสมาธิกับสิ่งที่สำคัญ และช่วยให้การกระทำของคุณบรรลุเป้าหมาย

นี่คือมุมมองแบบครอบคลุมเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติต่างๆ เพื่อรักษาระดับความสั่นสะเทือนสูง:

การปฏิบัติวิธีประโยชน์
การทำสมาธิวันละ 10-15 นาทีเพิ่มแรงสั่นสะเทือนทางพลังงาน
หายใจลึก ๆเทคนิคการหายใจอย่างมีสติสม่ำเสมอส่งเสริมการผ่อนคลายและสมดุลพลังงาน
น้ำมันหอมระเหยกลิ่นหอม เช่น ลาเวนเดอร์ ยูคาลิปตัสมีอิทธิพลต่ออารมณ์ในทางบวก
ทั้งอาหารอาหารจากพืชเพิ่มพลังสั่นสะเทือนด้านบวก
ความกตัญญูการเขียนบันทึกประจำวันยกระดับความสั่นสะเทือนเชิงบวก
การกระทำของความเมตตาการช่วยเหลือผู้อื่น ทำให้ผู้อื่นยิ้มได้การเพิ่มขึ้นของความสั่นสะเทือนโดยรวม
พลังงานบำบัดการใช้คริสตัล เช่น อเมทิสต์ โรสควอตซ์เพิ่มพลังบวก
อ่างเสียงการผ่อนคลายด้วยคลื่นเสียงเพิ่มระดับพลังงาน
รกร้างการกำจัดความยุ่งวุ่นวายทางกายภาพเปลี่ยนพื้นที่อย่างมีพลัง
การเชื่อมต่อกับธรรมชาติส่งเสริมการใช้เวลานอกบ้านเพิ่มความสุข ความสงบ และความชัดเจน
กิจกรรมสร้างสรรค์วาดรูป ร้องเพลง เต้นรำเพิ่มอารมณ์และลดความวิตกกังวล
ส่วนที่เหลือนอนหลับอย่างน้อย 8 ชั่วโมงรักษาพลังงานการสั่นสะเทือนสูง
การไม่ตัดสินการฝึกความเห็นอกเห็นใจและความอดทนเพิ่มการสั่นสะเทือนส่วนตัว
ไฮเดรดื่มน้ำให้เพียงพอรักษาสมดุลระดับพลังงาน
เบรกเทคโนโลยีการหลีกเลี่ยงโซเชียลมีเดียปรับปรุงพลังงานการสั่นสะเทือน

ทำสิ่งเหล่านี้ การเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตเชิงบวก เป็นเรื่องง่าย คุณสามารถผสมผสานสิ่งเหล่านี้เข้ากับชีวิตประจำวันของคุณได้ วิธีนี้จะช่วยให้พลังงานและการสั่นสะเทือนของคุณสูงขึ้น ส่งผลให้ชีวิตของคุณสมดุลมากขึ้น

ประโยชน์ของการใช้ชีวิตที่มีแรงสั่นสะเทือนสูง

การใช้ชีวิตที่สูงกว่า ความถี่การสั่นสะเทือน มีประโยชน์มากมาย ประการแรกคือทำให้เกิดความสงบและความสุขภายใน การเพิ่มความถี่จะช่วยลดความเครียดและความคิดลบๆ ส่งผลให้สุขภาพแข็งแรงขึ้นและลดความเจ็บปวดในร่างกาย

ประโยชน์อีกประการหนึ่งคือการปรับปรุงความชัดเจนทางจิตใจและการโฟกัส การสั่นสะเทือนที่สูงขึ้นสามารถเพิ่มความคิดสร้างสรรค์และนำไปสู่การแก้ปัญหาที่ดีขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มการรับรู้ทางจิตวิญญาณ ส่งผลให้มีความรู้สึกมุ่งมั่นมากขึ้น

ความสัมพันธ์ที่ดีจะเติบโตได้ดีเมื่อมีแรงสั่นสะเทือนสูง เนื่องมาจากพลังงานบวกและความสัมพันธ์ที่มีความหมาย ช่วยสร้างวงสังคมที่เปี่ยมด้วยความรักและการสนับสนุนกันมากขึ้น

ในสภาวะที่มีการสั่นสะเทือนสูง สัญชาตญาณจะเฉียบคมขึ้น ส่งผลให้ตัดสินใจได้ดีขึ้นและสอดคล้องกับเป้าหมายของคุณ ทำให้การทำให้ความฝันเป็นจริงและบรรลุความปรารถนาของคุณง่ายขึ้น

ยิ่งไปกว่านั้น ยังให้ความรู้สึกสงบสุขและเชื่อมโยงกับจักรวาลอย่างลึกซึ้ง ผู้คนรู้สึกมีความสุขและมีพลังมากขึ้น พวกเขาเป็นตัวแทนของความสุขและความเข้มแข็งในตนเอง

“เมื่อคุณคิด คุณจะสั่นสะเทือน เมื่อคุณสั่นสะเทือน คุณจะดึงดูดสิ่งต่างๆ เข้ามา” อับราฮัม-ฮิกส์กล่าว เรื่องนี้แสดงให้เห็นว่าความคิดของเราส่งผลต่อสิ่งที่เราดึงดูดเข้ามาในชีวิตอย่างไร

เทศกาล ประโยชน์ของการใช้ชีวิตที่มีการสั่นสะเทือนสูง ส่งผลกระทบต่อทุกส่วนของชีวิตเรา ส่งผลดีต่อสุขภาพ ความสัมพันธ์ และสุขภาพจิตของเรา ช่วยให้เราใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่และมีความสุขมากขึ้น

หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการรักษาระดับการสั่นสะเทือนสูง โปรดดูที่ พลังงานบวก. ค้นพบความสำคัญต่อการใช้ชีวิตที่มีความหมาย

วิทยาศาสตร์เบื้องหลังการเพิ่มความถี่ของคุณ

การปรับปรุงวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับการสั่นสะเทือนของคุณหมายถึงการสำรวจการวิจัยต่างๆ เกี่ยวกับความถี่ ผู้เชี่ยวชาญ เช่น Alex Naranjo และ Marlene Vargas กำลังแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของพลังงานการสั่นสะเทือนในแต่ละวันของเรา พวกเขากล่าวว่าทุกสิ่ง รวมถึงความรู้สึกของเรา มีความถี่เฉพาะ นี่คือประเด็นสำคัญในฟิสิกส์ควอนตัม ชารอนฮาร์ตโค้ชมืออาชีพกล่าวว่า การจับคู่พลังงานของเราให้เข้ากับความถี่ที่สูงขึ้นเป็นสิ่งสำคัญต่อความเป็นอยู่ที่ดี

การวิจัยเกี่ยวกับการจัดตำแหน่งความถี่

ความคิดและการกระทำของเราสามารถส่งผลต่อการสั่นสะเทือนของเราได้อย่างมาก หากต้องการเพิ่มความถี่ของเรา เราควรฝึกฝนสิ่งต่างๆ เช่น การทำสมาธิและพูดสิ่งดีๆ กับตัวเอง เคธี่ บีเชอร์ที่ปรึกษาแนะนำว่าการทำกิจกรรมสร้างสรรค์สามารถช่วยเพิ่มพลังของเราได้

ประโยชน์ทางวิทยาศาสตร์

การสั่นสะเทือนที่สูงนั้นดีต่อเราในหลายๆ ด้าน ไม่ใช่แค่ต่ออารมณ์ของเราเท่านั้น การใช้ชีวิตด้วยการสั่นสะเทือนที่สูงนั้นสามารถทำให้เราเครียดน้อยลง สุขภาพดีขึ้น และมีความสุขมากขึ้น การปฏิบัติกิจวัตรประจำวัน เช่น การออกกำลังกายเพื่อปรับสมดุล การกำจัดสารพิษ และการรู้สึกเชื่อมโยงกับสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นก็มีประโยชน์ การกำจัดอารมณ์เชิงลบ เช่น ความกลัวและความโกรธ ยังสามารถยกระดับการสั่นสะเทือนของคุณได้อีกด้วย

สถานะประโยชน์ทางวิทยาศาสตร์
การทำสมาธิทุกวันลดความเครียด เพิ่มความยืดหยุ่นทางอารมณ์
การยืนยันเชิงบวกเพิ่มความนับถือตนเอง ส่งเสริมความคิดเชิงบวก
การแสวงหาความคิดสร้างสรรค์กระตุ้นความสุข ส่งเสริมนวัตกรรม
การกำจัดสารพิษช่วยให้สุขภาพกายดีขึ้น เพิ่มระดับพลังงาน
การเชื่อมต่อกับพลังที่สูงกว่าเสริมสร้างสุขภาพจิต ส่งเสริม... ความสงบภายใน

สรุป

การเพิ่มพลังสั่นสะเทือนของคุณนั้นไม่ใช่แค่แนวคิดทางจิตวิญญาณเท่านั้น แต่ยังเป็นหนทางสู่การเปลี่ยนแปลงและพัฒนาตนเองอีกด้วย การเข้าใจว่าพลังสั่นสะเทือนก็เหมือนกับสถานะของสสารนั้นเป็นสิ่งสำคัญ อย่างไรก็ตาม พลังสั่นสะเทือนที่เคลื่อนไหวรวดเร็วจะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงมากขึ้น นี่คือเหตุผลที่การทำสมาธิซึ่งช่วยลดพลังงานของคุณนั้นสามารถทำให้คุณมีความสุขได้

การมีความสัมพันธ์ที่ดีก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน การอยู่ท่ามกลางผู้คนที่คิดบวกและให้ความช่วยเหลือผู้อื่นสามารถทำให้คุณรู้สึกดีขึ้นได้

การแสดงความขอบคุณ มีสติ และรับประทานอาหารที่ดีสามารถเปลี่ยนชีวิตของคุณได้ การศึกษาแสดงให้เห็นว่าการแสดงความขอบคุณช่วยให้คุณรู้สึกมองโลกในแง่ดีมากขึ้น 20% การมีสติสามารถลดความเครียดลงได้ 20% และทำให้คุณมีความมั่นคงทางอารมณ์มากขึ้น 15% การรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพจะลดโอกาสเจ็บป่วยได้ 30% และเพิ่มพลังงานให้คุณ 20%

การใช้ชีวิตที่มีแรงสั่นสะเทือนสูงจะส่งผลดีต่อสุขภาพกาย เช่น การมีระบบภูมิคุ้มกันและหัวใจที่แข็งแรง การทำสิ่งที่สนุกสนาน จัดการกับความรู้สึก และเชื่อมั่นในจักรวาลจะช่วยเพิ่มประโยชน์ต่อสุขภาพเหล่านี้ได้มากขึ้น ซึ่งจะทำให้ชีวิตของคุณพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ซึ่งจะทำให้คุณได้รับสิ่งดีๆ และความสุขทั้งแก่คุณและทุกคนรอบตัวคุณ

คำถามที่พบบ่อย

“การเพิ่มการสั่นสะเทือนของคุณ” หมายความว่าอย่างไร?

การเพิ่มพลังบวกให้กับตัวเองหมายถึงการเพิ่มอารมณ์และพลังงานให้กับตัวเอง ซึ่งจะนำไปสู่ทัศนคติเชิงบวกต่อชีวิต คุณจะดึงดูดประสบการณ์และผู้คนดีๆ เข้ามา ซึ่งจะส่งเสริมการเปลี่ยนแปลงส่วนบุคคลและการเติบโตทางจิตวิญญาณ

เหตุใดการสั่นสะเทือนส่วนบุคคลจึงสำคัญ?

คลื่นสั่นสะเทือนส่วนบุคคลของคุณส่งผลต่อวิธีที่คุณโต้ตอบกับผู้อื่น นอกจากนี้ยังบอกอะไรได้หลายอย่างเกี่ยวกับผู้ที่เข้ามาในชีวิตของคุณ การรักษาคลื่นสั่นสะเทือนให้สูงสามารถทำให้ความสัมพันธ์ของคุณดีขึ้นได้ นอกจากนี้ยังสามารถปรับปรุงโอกาสและชีวิตโดยรวมของคุณได้อีกด้วย

การฝึกสติช่วยยกระดับความสั่นสะเทือนของคุณได้อย่างไร?

การฝึกสติ เช่น การทำสมาธิและการให้กำลังใจ จะช่วยยกระดับพลังงานของคุณให้อยู่ในระดับบวก นิสัยเหล่านี้สามารถช่วยให้คุณคิดบวกและพบกับความสงบภายใน ซึ่งจะนำไปสู่การสั่นสะเทือนทางจิตวิญญาณที่สูงขึ้น

อาหารประเภทใดบ้างที่ถือว่ามีการสั่นสะเทือนสูง?

การรับประทานผลไม้สด ผัก ถั่ว เมล็ดพืช และธัญพืชไม่ขัดสีเป็นสิ่งสำคัญ อาหารเหล่านี้จะทำให้คุณรู้สึกมีชีวิตชีวาและอารมณ์ดีขึ้น ทำให้คุณรู้สึกมีพลังและมีความสุขมากขึ้น

การจดบันทึกความกตัญญูช่วยเพิ่มความสั่นสะเทือนของคุณได้อย่างไร?

การเขียนบันทึกความรู้สึกขอบคุณจะช่วยให้คุณจดจ่อกับสิ่งดีๆ ในชีวิต ช่วยให้คุณคิดบวกและมีความสุขมากขึ้น การทำเช่นนี้จะช่วยให้คุณดึงดูดสิ่งดีๆ และความรู้สึกดีๆ เข้ามามากขึ้นด้วยการรักษาทัศนคติเชิงบวก

เทคนิคการเติบโตทางจิตวิญญาณที่มีประสิทธิผลมีอะไรบ้าง?

โยคะ การสวดมนต์ และการทำสมาธิ เป็นวิธีปฏิบัติทางจิตวิญญาณที่ทรงพลัง ช่วยให้คุณเชื่อมต่อกับตัวตนที่แท้จริงและจักรวาลได้ การเชื่อมโยงนี้สามารถนำไปสู่ความเข้าใจและพลังงานทางจิตวิญญาณที่สูงขึ้น

การบำบัดด้วยพลังงานมีกี่ประเภท?

การบำบัดด้วยพลังงานประกอบด้วยเรอิกิ การฝังเข็ม และการบำบัดด้วยเสียง ซึ่งมุ่งเน้นที่การสร้างสมดุลพลังงานในร่างกาย ส่งผลดีต่อสุขภาพกาย อารมณ์ และจิตวิญญาณ

เราจะเริ่มต้นการบำบัดด้วยพลังงานได้อย่างไร?

ในการเริ่มต้น ให้หาผู้รักษาที่มีการฝึกอบรมหรือเข้าร่วมเวิร์กช็อปสำหรับวิธีการรักษาตัวเอง การลองใช้เทคนิคต่างๆ จะช่วยให้คุณเลือกวิธีที่เหมาะกับคุณที่สุดได้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มพลังงานและความเป็นอยู่ที่ดีของคุณ

การดูแลตนเองแบบใดที่สามารถช่วยให้บรรลุความสงบภายในได้?

กิจกรรมต่างๆ เช่น การหายใจเข้าลึกๆ การบำบัดด้วยกลิ่นหอม และการเคลื่อนไหวอย่างมีสติ ล้วนเป็นสิ่งที่ดี การมีกิจวัตรประจำวันที่เน้นไปที่การดูแลตัวเองจะช่วยให้คุณสงบและมีสมาธิ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับชีวิตที่มีแรงสั่นสะเทือนสูง

นิสัยประจำวันบางอย่างที่จะเพิ่มพลังสั่นสะเทือนของคุณมีอะไรบ้าง?

ฝึกหายใจอย่างมีสติ ขยับร่างกายบ่อยๆ และตั้งเป้าหมายเชิงบวกทุกวัน นิสัยเหล่านี้จะช่วยให้คุณมีพลังมากขึ้นในระยะยาว ช่วยให้คุณใช้ชีวิตด้วยพลังสั่นสะเทือนที่สูงขึ้นทุกวัน

การใช้ชีวิตที่มีการสั่นสะเทือนสูงมีประโยชน์อะไรบ้าง?

การใช้ชีวิตท่ามกลางบรรยากาศที่สั่นสะเทือนสูงจะนำมาซึ่งความสงบสุข ความยืดหยุ่น และปรับปรุงความสัมพันธ์ของคุณ อีกทั้งยังทำให้คุณมีมุมมองเชิงบวกต่อชีวิต อีกทั้งยังช่วยปรับปรุงชีวิตของคุณในหลายๆ ด้านด้วยการส่งเสริมความอุดมสมบูรณ์และเพิ่มความตระหนักรู้ของคุณ

มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่สนับสนุนแนวคิดเรื่องการจัดตำแหน่งความถี่หรือไม่

ใช่ การวิจัยทางวิทยาศาสตร์แสดงให้เห็นว่าความคิดและการกระทำของเราสามารถเปลี่ยนสภาวะการสั่นสะเทือนของเราได้ การใช้ชีวิตที่มีความถี่สูงสามารถลดความเครียด ปรับปรุงสุขภาพ และทำให้เรามีความสุขมากขึ้น